1.) TrueRMS Multimeter (Fluke111) 1 เครื่อง
2.) Pen type Meter (MS 8211) 1 เครื่อง
3.) ไขควงเช็คไฟ 1 อัน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้รู้จักแรงดันไฟฟ้า Vline และ Vphase ของระบบไฟฟ้าในอาคาร
2. เพื่อให้รู้จักการทำงานของไขควงเช็คไฟ และ Voltage Tester
3. เพื่อให้ตระหนักถึงอันตรายจากไฟฟ้า
ผลการทดลอง
จากรูป ใช้ไขควงเช็คไฟเช็คไฟที่ตำแหน่งR ซึ่งมีไฟติดแสดงว่าที่ ตำแหน่ง R มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
จากรูป ใช้ไขควงเช็คไฟ เช็คไฟที่ ตำแหน่งG ซึ่งไฟไม่ติด
แสดงว่าที่ ตำแหน่งG ไม่มีกระแสไฟฟ้าไหล
จากรูป ใช้Pen type Meter เช็คไฟที่ ตำแหน่งR ซึ่งมีไฟ
ติดแสดงว่าที่ ตำแหน่ง R มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
จากรูป
ใช้Pen type
Meter
เช็คไฟที่
ตำแหน่ง G ซึ่ง
ไม่
มี
ไฟติดแสดงว่าที่ ตำแหน่ง G
มี
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านน้อย
มาก
หรือแทบจะ
ไม่มี

จ
ากรูป
วัด Vo
lt ของ R เทียบ N ด้วย
True RMS Multimeter
อ่านค่
า Vphase
ได้ 224.7
VAC
จากรูป วัด V
olt ของ s เทีย
บ N ด้ว
ย True RMS Multimeter
อ่านค่า Vphase
ได้
225.0
VA
C

จากรูป วัด Voltของ N เทียบG ด้วย True RMS Multimeterอ่านค่า Vphase ได้ 2.923 VAC
จากรูป วัด Volt ของ R เทียบ S ด้วย True RMS Multimeter อ่านค่า Vlineได้ 394.1
จากรูป วัด Volt ของ S เทียบ T ด้วย
True RMS Multimeter
อ่านค่า Vlineได้ 397.2 VAC
จากรูป วัด Volt ของ R เทียบ T ด้วย True RMS Multimeter
อ่านค่า Vlineได้ 397.2
VAC
สรุปผลการทดลอง
- จากการทดลองทำให้ทราบว่าไขควงเช็คไฟและ Voltage Tester สามารเช็คไฟได้เหมือนกัน แต่ Voltage Tester มีความไวมากกว่าไขควงวัดไฟ
- เมื่อวัดค่าแรงดัน Vline และ Vphase แต่ละคู่ที่ทำการวัดมีค่าใกล้เคียงกัน แต่ไม่เท่ากัน เนื่องจากเส้นทางที่ไฟไหลมาตามสายมีการดึงไฟในแต่ละเฟสไปใช้ไม่เท่ากัน
- เมื่อวัดแรงดันตกคร่อมระหว่างนิวตรอนกับกราวด์จะเห็นว่ามีแรงดันเกิดขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากแหล่งจ่ายอยู่ห่างจากห้องทดลอง ทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานในการเดินทางมาเพราะว่าในสายไฟมีค่าความต้านทานอยู่ ถ้าวัดที่แหล่งจ่ายจะได้แรงดันตกคร่อมระหว่างนิวตรอนกับกราวด์เป็นศูนย์
จากรูป วัด Volt ของ S เทียบ T ด้วย True RMS Multimeter
อ่านค่า Vlineได้ 397.2 VAC
จากรูป วัด Volt ของ R เทียบ T ด้วย True RMS Multimeter
อ่านค่า Vlineได้ 397.2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น